การเจอดวลกันของสองอดีตกุนซือทีมชาติไทย ที่จบลงด้วยผลโนสกอร์ ท่ามกลางรูปเกมที่สู้กันสนุก จนถึงวินาทีสุดท้าย
สมัครสมาชิกจีคลับ บางกอกกล๊าส บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
BGFC 0 – 0 การท่าเรือ เอฟซ
ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน”การวัดกึ๋นของ “โค้ชง้วน” สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ และ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง สองเพื่อนร่วมทีมชาติยุคดรีมทีม ที่ต่างชื่นชอบในการทำทีมเล่นบอลเพรสซิ่ง ต่างมาเปิดเกมรุกสุ้กัน ได้สนุกตลอด 90 นาที
เกมในครึ่งแรก ท่าเรือ มาแบบผิดคาด นอกเหนือจากการกล้าโรเตชั่นเอานักเตะสำรองอย่าง ภูมเรศ กลัดกลีบ, อานิสงส์ เจริญธรรม รวมถึง ยศวรรธน์ มนทา ลงเป็นตัวจริง พวกเขายังแสดงให้เห็นถึงการเล่นเกมรับที่อดทน โดยที่ให้ นิติพงษ์ กับ ยศวรรธน์ เล่นเกมรับมากขึ้นกว่าปกติ ไม่ได้ให้สอดแทรกขึ้นไปเติมเกมรุกอย่างที่สองคนถนัด ทำให้สามารถรับมือคู่ปีกของบีจีได้ดี
ขณะที่ บีจี พวกเขาพยายามกดดันอย่างหนัก ทั้งเพรสซิ่ง ทั้งการเล่นบอลไดเรกต์ ขนทุกมาทุกกระบวนท่า แต่ก็ไม่สามารถยิง หรือเจาะเกมรับท่าเรือได้ การที่ครึ่งแรก เจ้าบ้านมีโอกาสมากมาย 10 กว่าครั้ง แต่เปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้ กลา่ยเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ บีจี ชวดคว้าชัยในเกมนี้
เพราะในครึ่งหลัง นักเตะบางกอกกล๊าส เห็นได้ชัดว่า พละกำลังเริ่มถอดถอย ลงจากเล่นเกมติดๆกัน แถมใช้พลังไปเยอะมาก ผิดกับการท่าเรือ ครึ่งหลัง ได้ตอบโต้จากสวนกลับมากขึ้น บีบพื้นที่ตรงกลางได้ดีขึ้น จนเกือบมีสกอร์เหมือน แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะแนวรุกยังไม่เด็ดขาดพอในพื้นที่สุดท้าย รวมถึงแท็คติกการเข้าทำ ที่ยังจำเจ พอจับได้ทาง ก่อนจบลงด้วยผลเสมอ 0-0 แบบที่รูปเกมน่าจะมีประตูฝั่งละ 3-4 ลูกด้วยซ้ำ หากเกมรุกทั้งคู่คมๆ
นั่นสะท้อนให้เห็นว่า เกมรุกของทั้ง บางกอกกล๊าส และ การท่าเรือ ก็ยังมีปัญหาพอสมควร บีจี ที่ขาด ชาตรี และ อาเรียล ก็ทำให้ตัวสกอร์ชั้นดีขาดหายไป สุรชาติ ที่ถูกเป็น หน้าเป้า มีพื้นที่ในแดนหน้าน้อยไป เล่นได้ผิดฟอร์มกับตอนที่ยืนเป็น ปีกด้านข้าง ที่มีพื้นที่ทำเกมรุกมากกว่านี้ ส่วนการท่าเรือ เกมรุกที่ ซิโก้ อยากให้เป็น คงต้องใช้เวลาอีกพอสมควร ในการปรับจูนให้ลงล็อกและเข้าฝักกว่านี้ แต่อย่างไรก็ดี ต้องชมทั้งสองทีมที่สู้กันได้สนุก จนถึงนาทีสุดท้าย แบบได้ใจคนทั้งสนาม”